กรรมวิธีการเช็ดแห้ง

1) การเช็ดแห้ง
- ขั้นตอนสุดท้ายของการเพิ่มความงาม และฟื้นฟูรักษาความสะอาดหลังจากผ่านจุดล้างมาแล้วการเข้าจอด พนักงานขับส่งจะต้องดูแนววิถีการจอดด้วย และต้องวัดระยะการจอดและการเปิดประตูของรถรวมถึงการทำงานของพนักงานด้วย
- เ ปิดประตูทุกบาน ยกที่ปัดน้ำฝนเพื่อให้รถเกิดการสะเด็ดน้ำ พนักงานช่วงนี้ต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ
- พนักงานขับส่ง ต้องเปิดจุดซ้อนเร้นต่างๆ ที่จะต้องทำความสะอาดเพิ่มเติมโดยเฉพาะ จุดฝาปิดถังน้ำมันที่จะมีคราบน้ำมันอยู่ โดยที่เจ้าของรถไม่เคยเปิดดูเลยด้วยซ้ำไป
- พนักงาน 1 ท่านทำการไล่คราบน้ำโดยใช้ปืนลม ยิงตามจุดที่สำคัญๆ ดังนี้ ซอกกระจก ประตู มือจับ ตัวหนังสือตัวนูน ซอกไฟเลี้ยว ไฟหน้า ปัดน้ำฝน กาบปัดน้ำฝน
- หลังจากนั้นพนักงานใช้ผ้าชามัวร์เช็ดตามตัวสีรถโดยให้เดินรอบตัวรถเป็นวงกลม รอบเดียวให้จบเช่นเดียวกัน ไม่ต้องรีบและบิดผ้าชามัวร์บ่อยๆ พร้อมกับซักเพื่อให้ผ้ามีความสะอาดอยู่เสมอ และป้องกันการอิ่มตัวของน้ำในผ้าชามัวร์ ใช้ผ้าแห้งที่สะอาดและนิ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ทำการไล่คราบน้ำที่แห้ง 1 รอบ โดยเฉพาะรถสีเข้มหรือรถสีดำ เท่านี้เป็นเสร็จของกรรมวิธีเช็ดแห้งของสี
- ขั้นตอนต่อไปเป็นการเช็ดคราบน้ำบนกระจก โดยใช้ผ้าชามัวร์ลูบและถูคราบสกปรกที่หลุดค้าง แล้วใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดตามอีกครั้งดูจนเห็นว่ากระจกใส และไม่มีคราบใดๆ ทุกบาน ควรตรวจคราบแมลงตกค้างด้วย
2) การซัก เบาะ พรม
เบาะหรือพรม เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต่างๆ ในรถยนต์ได้เป็นอย่างดี และยังไม่รวมถึงสัตว์และแมลงต่างๆ ที่แอบเข้ามาในห้องโดยสาร โดยที่ไม่ได้รับเชิญอีกด้วย เช่น มด แมลง จิ้งจก หนู เป็นต้น ที่พร้อมใจกันโอนสำเนาทะเบียนบ้านมาอยู่ในห้องโดยสารได้อย่างถาวรได้ทุกเวลา ถ้าเกิดรถของลูกค้าที่มีบรรยากาศที่พวกมันชอบหรือมีแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ตามซอกมุมต่างๆ ให้พวกมัน
- ขั้นตอนสุดท้ายของการเพิ่มความงาม และฟื้นฟูรักษาความสะอาดหลังจากผ่านจุดล้างมาแล้วการเข้าจอด พนักงานขับส่งจะต้องดูแนววิถีการจอดด้วย และต้องวัดระยะการจอดและการเปิดประตูของรถรวมถึงการทำงานของพนักงานด้วย
- เ ปิดประตูทุกบาน ยกที่ปัดน้ำฝนเพื่อให้รถเกิดการสะเด็ดน้ำ พนักงานช่วงนี้ต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ
- พนักงานขับส่ง ต้องเปิดจุดซ้อนเร้นต่างๆ ที่จะต้องทำความสะอาดเพิ่มเติมโดยเฉพาะ จุดฝาปิดถังน้ำมันที่จะมีคราบน้ำมันอยู่ โดยที่เจ้าของรถไม่เคยเปิดดูเลยด้วยซ้ำไป
- พนักงาน 1 ท่านทำการไล่คราบน้ำโดยใช้ปืนลม ยิงตามจุดที่สำคัญๆ ดังนี้ ซอกกระจก ประตู มือจับ ตัวหนังสือตัวนูน ซอกไฟเลี้ยว ไฟหน้า ปัดน้ำฝน กาบปัดน้ำฝน
- หลังจากนั้นพนักงานใช้ผ้าชามัวร์เช็ดตามตัวสีรถโดยให้เดินรอบตัวรถเป็นวงกลม รอบเดียวให้จบเช่นเดียวกัน ไม่ต้องรีบและบิดผ้าชามัวร์บ่อยๆ พร้อมกับซักเพื่อให้ผ้ามีความสะอาดอยู่เสมอ และป้องกันการอิ่มตัวของน้ำในผ้าชามัวร์ ใช้ผ้าแห้งที่สะอาดและนิ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ทำการไล่คราบน้ำที่แห้ง 1 รอบ โดยเฉพาะรถสีเข้มหรือรถสีดำ เท่านี้เป็นเสร็จของกรรมวิธีเช็ดแห้งของสี
- ขั้นตอนต่อไปเป็นการเช็ดคราบน้ำบนกระจก โดยใช้ผ้าชามัวร์ลูบและถูคราบสกปรกที่หลุดค้าง แล้วใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดตามอีกครั้งดูจนเห็นว่ากระจกใส และไม่มีคราบใดๆ ทุกบาน ควรตรวจคราบแมลงตกค้างด้วย
2) การซัก เบาะ พรม
เบาะหรือพรม เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต่างๆ ในรถยนต์ได้เป็นอย่างดี และยังไม่รวมถึงสัตว์และแมลงต่างๆ ที่แอบเข้ามาในห้องโดยสาร โดยที่ไม่ได้รับเชิญอีกด้วย เช่น มด แมลง จิ้งจก หนู เป็นต้น ที่พร้อมใจกันโอนสำเนาทะเบียนบ้านมาอยู่ในห้องโดยสารได้อย่างถาวรได้ทุกเวลา ถ้าเกิดรถของลูกค้าที่มีบรรยากาศที่พวกมันชอบหรือมีแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ตามซอกมุมต่างๆ ให้พวกมัน
อันนี้ยังไม่รวมกลิ่นอับในห้องโดยสารที่จะเกิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นอ๊วก กลิ่นนม กลิ่นบุหรี่ กลิ่นอับชื้น ซึ่งกลิ่นเหล่านี้จะทำให้ระบบหายใจของผู้โดยสารมีปัญหาได้ ดังนั้นพนักงานที่รับรถควรสังเกตและให้คำแนะนำให้กับลูกค้า ในกรณีที่ลูกค้าไม่ทราบหรือมีปัญหาในกรณีที่กล่าวมาในเบื้องต้น เพื่อเป็นการเพิ่มความหลากหลายในด้านการบริการและยอดขายประจำวันได้เป็นอย่างดี
ก) แบบซักเปียก
- ล้างรถให้สะอาดตามมาตรฐาน
- ผสมน้ำยาซักพรมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 50/50
- ถอดเบาะและพรมออก
- ใช้น้ำยาฉีดสะลายคราบหลังจากนั้นใช้น้ำฉีดไล่คราบ ถ้ายังไม่สะอาดให้ใช้แปรงขนอ่อนขัดช่วย
- เมื่อทำเสร็จแล้วจะต้องนำเบาะและพรมตากแดดให้แห้งสนิท
- เมื่อพรมและเบาะแห้งดีแล้วนำมาประกอบ พร้อมทั้งตรวจสอบผลงานอีกครั้งก่อนส่งมอบลูกค้า
ข) แบบซักแห้ง
- เตรียมอุปกรณ์ในการถอดเบาะ เวลาถอดต้องระวังอย่าให้รถลูกค้าเป็นรอยถลอก
- แกะพลาสติกตามขอบประตูออก (ต้องระวังหมุดที่ใช้ยึดอาจเสียหายได้)
- ค่อยๆ ดึงพรมออก จะต้องระวังสายไฟที่อยู่ใต้พรม และควรจะดึงพรมจากด้านหน้ารถก่อน
- เมื่อถอดพรมได้แล้วนำพรมไปซักด้วยโฟมให้สะอาด และตากแดดให้แห้งสนิท
- นำเครื่องดูดน้ำมาดูดน้ำ ภายในรถที่ตกค้างอยู่ให้แห้งแล้วนำรถจอดตากแดด
- ทำการซักเบาะพรมโดยการใช้ปืนลมเป็นตัวซักไล่คราบสกปรก
- เมื่อพรมแห้งแล้วนำมาใส่ เวลาใส่ต้องระวังเวลานำเบาะมาประกอบ ขายึดของเบาะอาจไปเกี่ยวแผงพลาสติกประตู ทำให้เกิดความเสียหายได้
- เมื่อประกอบเสร็จแล้วนำรถไปล้างทำความสะอาด
- ตรวจงานอีกครั้งก่อนส่งมอบลูกค้า
ก) แบบซักเปียก
- ล้างรถให้สะอาดตามมาตรฐาน
- ผสมน้ำยาซักพรมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 50/50
- ถอดเบาะและพรมออก
- ใช้น้ำยาฉีดสะลายคราบหลังจากนั้นใช้น้ำฉีดไล่คราบ ถ้ายังไม่สะอาดให้ใช้แปรงขนอ่อนขัดช่วย
- เมื่อทำเสร็จแล้วจะต้องนำเบาะและพรมตากแดดให้แห้งสนิท
- เมื่อพรมและเบาะแห้งดีแล้วนำมาประกอบ พร้อมทั้งตรวจสอบผลงานอีกครั้งก่อนส่งมอบลูกค้า
ข) แบบซักแห้ง
- เตรียมอุปกรณ์ในการถอดเบาะ เวลาถอดต้องระวังอย่าให้รถลูกค้าเป็นรอยถลอก
- แกะพลาสติกตามขอบประตูออก (ต้องระวังหมุดที่ใช้ยึดอาจเสียหายได้)
- ค่อยๆ ดึงพรมออก จะต้องระวังสายไฟที่อยู่ใต้พรม และควรจะดึงพรมจากด้านหน้ารถก่อน
- เมื่อถอดพรมได้แล้วนำพรมไปซักด้วยโฟมให้สะอาด และตากแดดให้แห้งสนิท
- นำเครื่องดูดน้ำมาดูดน้ำ ภายในรถที่ตกค้างอยู่ให้แห้งแล้วนำรถจอดตากแดด
- ทำการซักเบาะพรมโดยการใช้ปืนลมเป็นตัวซักไล่คราบสกปรก
- เมื่อพรมแห้งแล้วนำมาใส่ เวลาใส่ต้องระวังเวลานำเบาะมาประกอบ ขายึดของเบาะอาจไปเกี่ยวแผงพลาสติกประตู ทำให้เกิดความเสียหายได้
- เมื่อประกอบเสร็จแล้วนำรถไปล้างทำความสะอาด
- ตรวจงานอีกครั้งก่อนส่งมอบลูกค้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น